top of page

เราถูกรั้งไว้ด้วยข้อจำกัดของเราหรือไม่

การรู้ข้อจำกัดของเรา เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการคลายข้อจำกัดที่ฉุดเราไว้ไม่ให้ไปไกลกว่านี้


เป็นเหมือนกันไหม… ยิ่งโตขึ้นยิ่งรู้สึกว่าชีวิตยิ่งยาก ยิ่งโตยิ่งมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตมากขึ้น ในขณะที่เรากำลังค่อย ๆ เติบโตขึ้น เราจะยิ่งรู้สึกถึงข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินตามเส้นทางที่จะนำไปสู่ภาพความสำเร็จอย่างที่เราอาจไม่เคยรู้สึกมาก่อนในวัยเด็ก เพราะข้อจำกัดบางอย่างหากเราไม่ออกจาก comfort zone เราจะไม่มีทางรู้สึกถึงมันได้เลย หากเราอยู่กับที่หรือขยับเพียงเล็กน้อย เราอาจไม่รู้สึกถึงกรอบที่จำกัดอิสรภาพของเราเอาไว้ เปรียบได้กับว่าวที่หากไม่ลอยไปบนอากาศก็อาจจะไม่รู้สึกถึงเชือกที่ดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้ลอยไปไกลเกินกว่าที่ถูกกำหนดมา จึงไม่แปลกเลยที่เรายิ่งโต ยิ่งท้าทายขอบเขตเติม ๆ เรายิ่งรู้สึกอึดอัดกับข้อจำกัดเหล่านี้

 

หากมาคิดดูดี ๆ เราทุกคนเติบโตมากับกรอบและข้อจำกัดต่าง ๆ ตามที่สังคมและคนรอบข้างขีดเอาไว้ให้มาตั้งแต่เด็ก ถ้ามองในแง่ดี ในช่วงหนึ่งของชีวิต ในวัยที่เรายังมีประสบการณ์และต้นทุนในชีวิตที่ไม่เพียงพอ กรอบเหล่านี้เป็นเกราะคุ้มภัยและเข็มทิศที่ดีให้เราได้ กรอบวัฒนธรรมและค่านิยมซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่สังคมกำหนดไว้เหล่านี้ เช่น ค่านิยมในการเรียนหนังสือตามลำดับขั้น อนุบาล > ประถม > มัธยม > มหาวิทยาลัย ในสถาบันที่มีชื่อเสียง ในสายวิชาที่เชื่อว่าจะสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคง หรือภาพความสำเร็จตามค่านิยมของสังคม เรียนจบ > ทำงาน > แต่งงาน > มีลูก เป็นต้น อาจไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเลย หากเราพอใจ อุ่นใจ และสบายใจที่จะเติบโตและใช้ชีวิตภายในกรอบนี้ แต่หากสูตรสำเร็จนี้ไม่ใช่คำตอบในชีวิตสำหรับเรา เรามีอิสระในการเลือกเส้นทางเดินชีวิตที่แตกต่างออกไปไหม? หรือเมื่อเดินไปแล้วพบว่าไม่ใช่ เรามีอิสระที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินในชีวิตของเราได้ไหม?

 

นอกจากกรอบที่คนอื่นกำหนดไว้ให้เราแล้ว หลายครั้งตัวเราเองก็เป็นคนจำกัดอิสรภาพในการดำเนินชีวิตของเราด้วย ความคุ้นชินและประสบการณ์ชีวิตอาจกล่อมให้เรามีความเชื่อที่ตีกรอบตัวเองอยู่ เช่น ฉันอายุมากเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่แล้ว ความฝันกินไม่ได้ ฉันไม่สามารถสำเร็จในหน้าที่การงานพร้อม ๆ กับการทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้ ฉันไม่มีความสามารถพอในการทำสิ่งนี้ งานนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิง มีคนอื่นเก่งกว่าเรา ฯลฯ ความเชื่อเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคให้เราไม่ลงมือทำ ไม่กล้าที่จะออกจากกรอบ และอาจพลาดโอกาสในการเติบโต วันนี้ อยากให้พวกเราลองถามตัวเองว่า ตัวเรามีความเชื่อแบบนี้อยู่บ้างไหม?

 

และอย่าลืมว่า ข้อจำกัดที่ควบคุมความเป็นอิสระของเราเอาไว้ จะมีอำนาจ จะมีน้ำหนัก ก็ต่อเมื่อเรายอมรับมัน หากวันนี้รู้สึกว่าอยากไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ อยากปลดล๊อคตัวเองจากข้อจำกัดเหล่านี้ อยากให้เริ่มที่การรู้ตัวว่า “เรามีอำนาจควบคุมและออกแบบชีวิตมากกว่าที่คิด” และถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่เราต้องการในชีวิตจริง ๆ” ที่ไม่ใช่เป็นความต้องการของคนอื่น หรือถูกยัดเยียดให้โดยสังคม และ “อะไรคืออุปสรรคที่ขวางทางเราอยู่” เมื่อรู้สิ่งที่ต้องการและอุปสรรคที่ต้องก้าวผ่านแล้วก็ต้อง “เริ่มลงมือปลดล็อค” แม้การลงมือนั้นจะไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จในครั้งเดียว แต่เมื่อมีก้าวแรกแล้วจึงจะมีก้าวต่อไปได้ และควรลงมือในโอกาสแรก


เพราะฤกษ์ดีที่สุดก็คือวันนี้!!!


บ่อยครั้งที่เราตั้งข้อแม้ให้กับการลงมือทำ เช่น ถ้าเป็นอย่างนี้…ฉันถึงจะทำอย่างนั้น ถ้ามีเพื่อนไปด้วย…ฉันถึงจะออกกำลังกาย ถ้าได้รับการสนับสนุนจากที่บ้าน…ฉันค่อยไปเรียนต่อ ถ้ามีเงิน…ฉันค่อยไปต่างประเทศ ถ้ามีโอกาส…ฉันค่อย ฯลฯ หากรอให้ข้อแม้เหล่านี้เกิดขึ้นจนครบ เราอาจไม่มีวันได้ลงมือทำสิ่งใดเลย เปรียบเหมือนการเดินทางในชีวิตประจำวัน เรารอให้ถนนรถไม่ติดก่อนถึงค่อยออกจากบ้านหรือไม่? คำตอบคือไม่! เราออกจากบ้าน เราเข้าไปนั่งในรถ เราสตาร์ทรถ แล้วขับรถออกมา หากเจอรถติดก็ค่อยว่ากันไปตามสถานการณ์ เพราะถ้าไม่แม้แต่จะเริ่มไปนั่งในรถแล้ว

ชีวิตนี้คงไม่ได้ไปไหนกัน


ข้อจำกัดในชีวิตมีอยู่มากน้อยเป็นธรรมดา ทั้งแบบที่สังคมสร้างมาและที่เราสร้างให้กับตัวเอง เมื่อมันไม่ตอบโจทย์ของชีวิต เราไม่จำเป็นต้องยอมศิโรราบให้กับมัน เราสามารถค่อย ๆ คลายมันออกได้ ลองให้โอกาสตัวเองด้วยการทวงคืนอำนาจการออกแบบชีวิตในส่วนเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายไปส่วนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ข้อแม้และข้อจำกัดต่าง ๆ มาเป็นอุปสรรคอย่างถาวรต่อการมีชีวิตอย่างที่เราต้องการ

ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commentaires


bottom of page